Contact work : myhelloasian@gmail.com
ผ่านผลงานการแสดงมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ล่าสุดนักแสดงหนุ่ม “คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์” ก็ได้โอกาสจาก ENTLAB (เอ็น แล็บ) และมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ให้มาชิมลางงานจอเงินกับภาพยนตร์คอมเมดี้ดราม่าเรื่อง “มายริทึ่ม (My Rhythm)” เป็นครั้งแรก ในผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ “รพี พิเชียรภาคย์” กับบทบาท “โก้” นักศึกษาหนุ่มมือกลองขั้นเทพที่อีโก้สูงปรี๊ดทะลุเพดาน ซึ่งมีความฝันว่าสักวันจะดังแบบวงบอดี้สแลม แต่กลับป่วยเป็นโรคประหลาดที่หลับได้ทุกที่ จนงานล่มมาแล้วแทบทุกงาน
โดย “คริส พีรวัส” เผยว่า “รับบทเป็นโก้ครับ โก้จะเป็นคนที่ชอบตีกลอง แล้วก็มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นมือกลอง อย่างพี่ชัช บอดี้สแลม แต่ว่าด้วยความที่โก้จะมีอีโก้สูง เขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ตีกลองเก่ง และปัญหาก็คือเค้ามีโรคประหลาดที่สามารถหลับได้ทุกที่ ทำให้เวลาเขาตั้งใจจะทำอะไรก็จะเกิดการหลับขึ้นมาได้ทุกครั้ง งานใหญ่ของเขาก็จะล่มเลย ในวันที่เขาสอบเข้าโรงเรียนดนตรีที่เขาอยากจะเข้า มันก็เข้าไม่ได้ เพราะเกิดหลับขึ้นมาตอนสอบ โรคหลับได้ทุกที่มันมีอยู่จริงครับ อยู่ ๆ ก็มีการหลับเกิดขึ้น แต่จริง ๆ มันก็แปลกแหละ
จริง ๆ ผมชอบตีกลองมาตั้งแต่เด็กเลย ตีกลองมาตั้งแต่ตอนอยู่ป.4 เรียนกลองมาตลอดเลยแต่พอได้มาเล่นเรื่องนี้ ก็มีฝึกฝนเพิ่มเติม ได้ฝึกฝนตอนถ่ายทำนี่แหละครับ พี่ชัชเป็นศิลปินที่แบบชื่นชอบรู้จักมาตั้งแต่เด็กเลย ฟังเพลงมาตลอด ผมว่าเวลามีความฝัน มันทำให้เรามีแรงขับเคลื่อนที่เราอยากจะตั้งใจทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เราต้องทำได้ดี สิ่งที่เราทำอยู่มันคือสิ่งที่เราฝัน ผมก็จะส่งเสริมตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำตามสิ่งที่เราฝันที่เราชอบมันจะออกมาได้ดี
เป็นหนังเรื่องแรกของผมครับ ฝากภาพยนตร์มายริทึ่มด้วยนะครับ จะเข้าฉาย 12 พฤศจิกายนนี้แล้ว เป็นภาพยนต์เรื่องแรกของคริสด้วย ฝ้ายด้วย ของหลาย ๆ คนเลย เราทุกคนตั้งใจกันมาก ๆ ฝากด้วยครับ”
“มายริทึ่ม (My Rhythm)” นำแสดงโดย “คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์” ร่วมด้วย นางเอกหน้าหวาน ฝ้าย-บุญสิตา อินทาปัจ, ณัฏฐ์ เดชะปัญญา,อติคุณ อดุลโภคาธร, ประเสริฐสุข เหมทานนท์ และ เอกชัย เสวตรัมย์ และยังได้ศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง ปู แบล็คเฮด, ชัช บอดี้สแลม มาร่วมถ่ายทอดอารมณ์การสร้างแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เรื่องราวหลับ ฝัน มันส์ ตื่น สุดป่วน จะเริ่มต้นขึ้นในแบบที่ฝันหรือไม่ พร้อมเข้าฉายให้ได้ชมกันในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ 12 พฤศจิกายนนี้
เรื่องย่อ My Rhythm (มายริทึ่ม)
โก้ (คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์) มือกลองสุดเทพ อีโก้สูงทะลุเพดาน เขาฝันว่าสักวันจะดังแบบวง Bodyslam โดยมี ชัช Bodyslam เป็นเหมือนไอดอลของเขา แต่โก้ดันเป็นโรคประหลาดโรคหนึ่งคือ โก้จะหลับได้ทุกที่ อยู่ๆก็วูบหลับแบบไม่รู้ตัว มันเลยเป็นอุปสรรคกับสิ่งที่โก้ฝันไว้ แต่แล้ววันหนึ่งโก้ก็พบกับส้ม (ฝ้าย บุญสิตา อินทาปัจ) สาวแบ๊วสดใส ช่างจินตนาการ เพื่อนเก่าสมัยมัธยม ส้มทำให้โก้อยากฟอร์มวงดนตรี โก้เลยเข้าไปอยู่วงเดียวกับ ยอด มือกีต้าร์สุดเนิร์ด จอมป่วน และตุ๋ย มือเบสที่เงียบเป็นเป่าสาก ไม่พูดไม่จา แถมได้รุ่นพี่เด็กซิ่วจอมโหด เรียนยังไงก็ไม่จบสักทีอย่าง โฉด มาเป็นนักร้อง เรื่องราวหลับ ฝัน มันส์ ตื่น สุดป่วน จึงเริ่มขึ้น โก้จะไปถึงฝันที่เขาฝันไว้ไหม แล้วคนอื่นๆ ล่ะ จะไปถึงฝันของตัวเองไหม ติดตามได้ในภาพยนตร์เรื่อง My Rhythm (มายริทึ่ม)…ทุกคนมีจังหวะฝัน แต่มีกี่คนถึงฝัน 19 มีนาคม 2020 ในโรงภาพยนตร์
รพี พิเชียรภาคย์ ผู้กํากับภาพยนตร์
ก่อนมากำกับภาพยนตร์เรื่อง My Rhythm นี้ ผมทำงานเป็นผู้กำกับโฆษณา และผู้กำกับมิวสิควิดีโอมาก่อน และยังเคยทำงานด้าน Graphic Designer รวมถึงงาน Motion Graphic อีกด้วย จนวันหนึ่งทาง อาจารย์ ณัฎฐ์ เดชะปัญญา อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มีโปรเจ็คหนึ่งขึ้นมา คือ การเปิดค่ายหนังขึ้นมาในรั้วมหาลัย โดยจะใช้ทีมงานผลิตที่ผสมกันระหว่างนักศึกษาในมหาวิทยาลัยกับทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ เรียกว่าเป็นการแชร์การทำงานกัน จึงได้ชวนผมให้มาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้
ตอนคุยกันครั้งแรกๆ พอได้ฟังไอเดียในการทำงานว่าจะใช้วิธีแชร์การทำงานระหว่างนักศึกษาและมืออาชีพ ฟังแล้วก็รู้สึกน่าสนใจ ผมเลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้มืออาชีพ คนที่มีประสบการณ์การทำงานด้านนั้นๆ ในฝ่ายต่างๆ เข้ามาเป็นหัวหน้าของฝ่ายนั้นๆ โดยมีนักศึกษาเป็นลูกทีม ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งผู้กำกับ จะเป็นคนที่เป็นมืออาชีพมีประสบการณ์การทำงาน ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับ 2 ก็จะเป็นนักศึกษา เป็นต้น
สำหรับเรื่องบทภาพยนตร์นั้น ตอนประชุมกันแรกๆ ทางอาจารย์ ณัฎฐ์ เดชะปัญญา ต้องการให้ทำภาพยนตร์เกี่ยวกับอาจารย์และลูกศิษย์ ตอนประชุมกันก็มีการพูดคุยว่าแล้วจะเล่าประเด็นอะไรดี ก็สรุปกันว่าจะเล่าในประเด็นค่านิยมเรื่องสถานศึกษา ที่ใครๆ ก็อยากจะไปเรียนในมหาวิทยาลัยดังๆ กัน เพราะคิดว่านั่นจะเป็นหนทางสู่ความสำเร็จได้ แต่ผมคิดว่าในความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป ที่เรียนดังๆ มีชื่อเสียง ไม่ได้การันตี 100 % ว่าเมื่อเรียนจบไป ทุกคนจะไปประสบความสำเร็จในสายอาชีพที่ตนเองทำงาน แต่ตอนประชุมกันผมก็คิดว่าเนื้อหาแบบนี้อาจจะดูซีเรียสเกินไปไหม เพราะกลุ่มเป้าหมายของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นวัยมัธยม กลุ่มเด็กมหาวิทยาลัย จนถึงคนที่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ เลยคิดว่าอาจต้องหาอะไรบางอย่างที่กลุ่มเป้าหมายจะสัมผัสเข้าถึงได้ง่ายมาใช้ในการเล่าเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่องของดนตรี เลยได้ข้อสรุปว่าจะทำภาพยนตร์เกี่ยวกับวงดนตรี ให้เป็นแนวคอมเมดี้ โดยสอดแทรกเรื่องของค่านิยมในสถานศึกษาเข้าไป
สำหรับตัวละครหลักในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ โก้ มือกลองฝีมือระดับเทพ มีอีโก้สูง และด้วยความเก่งของเขานี่เอง ทำให้เขาคิดว่าตัวเองจะสอบเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยดังๆ ที่มีชื่อเสียงในด้านดนตรีได้ แต่โชคชะตาเล่นตลก เพราะตัวเขาดันมีโรคประจำตัวโรคหนึ่ง คือ โรคลมหลับ อาการคือเขาจะหลับได้ทุกที่ ไม่เลือกเวลาและสถานที่ อยู่ๆ ก็วูบหลับได้โดยไม่รู้ตัว แล้วในวันสอบปฎิบัติ อยู่ๆ เขาก็วูบหลับไประหว่างที่กำลังจะโชว์ฝีมือการตีกลองของเขาให้กรรมการดู ทำให้เขาสอบตกปฏิบัติ เลยต้องมาเรียนในมหาวิทยาลัยที่เขาไม่เคยคิดจะมาเรียนเลย และด้วยความอคติต่อที่ๆ ตัวเองต้องมาเรียน บวกความมีอีโก้สูง จึงเกิดเรื่องราวต่างๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ขึ้นมา
ตอนแคสติ้งบทโก้ เป็นตัวละครที่แคสยาก เพราะตัวละครนี้ จะต้องประกอบไปด้วย 3 อย่าง คือ 1.ต้องตีกลองเก่ง
2.การแสดงต้องดี 3.หน้าตาต้องน่ามอง
ซึ่งตอนแคสติ้งนั้น หาคนที่ครบองค์ประกอบทั้ง 3 อย่างนี้ค่อนข้างยาก คือ บางคนก็ตีกลองเก่ง แต่การแสดงไม่ดีบ้าง บางคนหน้าตาดี การแสดงดี แต่ตีกลองไม่เป็นบ้าง จะให้ไปเรียนตีกลองก็ไม่น่าจะไหว เพราะในภาพยนตร์นั้น โก้จะต้องตีกลองแบบระดับเก่งมาก และผมไม่อยากใช้วิธีใช้แสตนอินมาตีกลองแทน มันดูไม่จริง จนสุดท้ายก็โชคดีได้ คริส พรีวัส มาแคสติ้ง ซึ่งตอนผมดูคลิปที่ฝ่ายแคสติ้งส่งมา ก็รู้สึกว่าใช่เลย มีทุกอย่างครบทั้ง 3 องค์ประกอบที่ต้องการ ตีกลองเก่ง การแสดงพอได้ ถ้าให้ workshop การแสดงเพิ่มเติม น่าจะใช่ และหน้าตาดีด้วย ด้วยเหตุนี้บทโก้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงเหมาะมากกับคริส
ผ.ศ. ณัฏฐ์ เดชะปัญญา ผู้อำนวยการสร้าง และ นักแสดง
ในเรื่องนี้ได้รับบทเป็น อ.เปี๊ยก เป็นอาจารย์ที่ไฟแรง ในการทำงานเพื่อนักศึกษา เป็นคนคอยที่ผลักดันให้เด็กทำกิจกรรมทางการศึกษา อย่างเช่น การประกวดวงดนตรี ยังไงก็ขอฝาก "ภาพยนตร์ มายริทึ่ม ( My Rhythm )" ไว้ด้วยนะครับ เป็นภาพยนตร์ที่ทั้งผู้กำกับและนักแสดงทุกคนตั้งใจกัน และเต็มที่มาก ๆ รับรองว่าใครที่กำลังจะหมดฝัน หมดความพยายามอยากให้ดูหนังเรื่องนี้รับรองว่าคุณจะมีไฟที่จะเติมแต่งแรงฝันให้มากขึ้นแน่นอนครับ